การเลือกเทคโนโลยี Backup จึงมีความสำคัญมาก ดังนั้นแนวทางคร่าวๆ ในการคัดเลือกเทคโนโลยีการ Backup จึงควรจะมีความสามารถดังต่อไปนี้
1. สามารถทำ Deduplication ข้อมูลที่มีการสำรอง
เพื่อลดพื้นที่จัดเก็บลงได้ เพื่อให้การสำรองข้อมูลนั้นมีการใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และการกู้คืนสามารถทำได้อย่างรวดเร็วที่สุด เทคโนโลยีการทำ Deduplication จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระบบสำรองข้อมูลในทุกวันนี้ และยิ่งถ้าสามารถเลือกได้ว่าจะทำการ Deduplication ตั้งแต่ฝั่ง Server หรือจะ Deduplication ที่ Backup Server ได้ก็จะยิ่งดี เพราะจะทำให้องค์กรสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งานได้
2. ต้องรองรับ Incremental Backup ได้อย่างไม่จำกัด
เพื่อให้ง่ายต่อการสำรองข้อมูล บางเทคโนโลยีนั้นรองรับการทำ Incremental Backup ได้จำกัดจำนวนครั้ง ทำให้ต้องคอยทำ Full Backup ใหม่อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเป็นการเสียเวลาและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการที่ระบบ Backup จะทำ Incremental Backup ได้อย่างไม่จำกัดนั้นก็ช่วยให้การสำรองข้อมูลเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี การตรวจสอบเวลาที่ใช้ในการกู้คืนข้อมูลจากเทคโนโลยี Incremental Backup เองนั้นก็สำคัญเช่นกัน เพราะบางเทคโนโลยีอาจใช้เวลาตามจำนวน Incremental Backup ที่เกิดขึ้นไปย้อนหลัง ในขณะที่บางเทคโนโลยีอาจทำได้เร็วกว่านั้น
3. เลือกติดตั้งได้หลากหลายรูปแบบ ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละระบบ เนื่องจาก Application แต่ละประเภทนั้นก็ต้องการพฤติกรรมในการสำรองข้อมูลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกใช้ Backup Solution ที่มีทางเลือกในการสำรองข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบก็จะทำให้การออกแบบนโยบายการสำรองข้อมูลสำหรับแต่ละระบบนั้นแตกต่างกันไปได้ตามความเหมาะสม นอกจากการ Backup แล้ว การทำ Replicate และการทำ Archive เองก็อาจถูกผสานรวมอยู่ในบาง Backup Solution เลย ดังนั้นการเลือกระบบที่มีความยืดหยุ่นสูงๆ นี้ก็จะทำให้องค์กรลดความเสี่ยงลงไปได้มากทีเดียว
4. ต้องบริหารจัดการได้ง่าย มีช่องทางให้ผู้ใช้งานกู้ข้อมูลเองได้ การบริหารจัดการระบบ Backup ไปจนถึงการทำ Automation และการเปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามากู้คืนข้อมูลด้วยตัวเองได้นั้น จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดภาระหน้าที่ของผู้ดูแลระบบลงได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังลดปัญหาความผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดในการสำรองข้อมูล และการกู้คืนข้อมูลได้อีกด้วย
5. รองรับการสำรองข้อมูลของระบบ Hybrid Cloud ได้
เทคโนโลยี Cloud นั้นเข้ามามีบทบาทในองค์กรมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นระบบ Backup ที่รองรับ Hybrid Cloud ได้ในตัวเลยนั้นก็จะทำให้องค์กรมีอิสระในการเลือกใช้เทคโนโลยี Cloud ได้ตามที่ต้องการ
6. สามารถเพิ่มขยายระบบสำรองข้อมูลให้มีขนาดใหญ่มากได้ ด้วยการมาของ Big Data Analytics นั้น ทำให้ปริมาณข้อมูลและระบบงานต่างๆ ภายในองค์กรนั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นระบบสำรอง Backup ที่ดีก็ควรมีความยืดหยุ่นให้สามารถเริ่มต้นจากระบบเล็กๆ ได้ และค่อยๆ เพิ่มขยายตามการใช้งานขององค์กร ไปจนถึงการรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลระดับ Big Data ได้ในอนาคต
7. สามารถทำงานร่วมกับระบบต่างๆ ได้หลากหลาย ระบบ Backup ที่ดีนั้นจะต้องทำงานร่วมกับ Infrastructure และ Application ได้หลากหลาย และมีเทคนิคพิเศษในการสำรองข้อมูลบางรูปแบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Hypervisor ต่างๆ หรือ Database ต่างๆ รวมถึงระบบ Email เป็นต้น นอกจากนี้การมี Interface เพื่อผสานรวมกับระบบอื่นๆ ผ่นทาง API ได้เองนั้นก็จะมีส่วนช่วยในการบริหารจัดการ Data Center ที่มีขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี
8. จบทุกอย่างได้ในโซลูชั่นจากผู้ผลิตเดียวได้ก็จะดี การที่ระบบ Backup ขององค์กรนั้นเป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเดียว นอกจากจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบทำงานได้ง่ายแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการที่ระบบหรือข้อมูลที่ทำการสำรองเอาไว้จะกู้ขึ้นไม่สำเร็จเพราะความผิดพลาดในการทำงานของผู้ดูแลระบบอีกด้วย อีกทั้งการมีผู้ผลิตของระบบ Backup หลากหลายภายในระบบเครือข่ายเดียวก็จะทำให้งานมีความซับซ้อนสูง ส่งผลเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นขององค์กรเอง
Credits: TechtalkThai